สาระน่ารู้
ขั้นตอนและข้อควรระวังในการติดตั้งเพื่อความปลอดภัยและความสวยงาม
สุขภัณฑ์เป็นอุปกรณ์สำคัญในห้องน้ำที่ต้องมีการติดตั้งอย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบาย สุขภัณฑ์หลักที่นิยมติดตั้งในห้องน้ำทั่วไป เช่น อ่างล้างหน้า ชักโครก ฝักบัว ก๊อกน้ำ และอ่างอาบน้ำ แต่ละชิ้นมีความสำคัญและต้องการการติดตั้งที่เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ประเภทของสุขภัณฑ์ที่ควรรู้ก่อนการติดตั้ง
1.
ชักโครก (Toilet) ชักโครกมีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบสองชิ้น (แยกถังน้ำกับโถนั่ง)
และแบบชิ้นเดียว การเลือกติดตั้งต้องคำนึงถึงพื้นที่ในห้องน้ำ
รวมถึงระบบการระบายน้ำด้วย ชักโครกส่วนใหญ่มีระบบชักน้ำแบบกดที่ช่วยประหยัดน้ำ
รวมถึงบางรุ่นยังมาพร้อมระบบป้องกันกลิ่น
2.
อ่างล้างหน้า (Wash
Basin) อ่างล้างหน้ามีหลายแบบ เช่น อ่างแบบตั้งพื้น
อ่างแบบฝังบนเคาน์เตอร์ หรืออ่างแบบแขวนผนัง
การเลือกอ่างล้างหน้าต้องพิจารณาถึงความสูงของการติดตั้งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน
รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบท่อน้ำและท่อน้ำทิ้ง
3.
ฝักบัวและก๊อกน้ำ (Shower
and Faucets) ฝักบัวเป็นอุปกรณ์ที่ควรติดตั้งให้ได้ตำแหน่งที่พอดีกับความสูงของผู้ใช้เพื่อความสะดวก
ก๊อกน้ำเองก็มีหลายประเภท เช่น ก๊อกแบบติดตั้งบนเคาน์เตอร์หรือแบบติดผนัง
การเลือกชนิดของก๊อกน้ำควรสอดคล้องกับการใช้งานและการติดตั้งท่อน้ำภายใน
4.
อ่างอาบน้ำ (Bathtub) อ่างอาบน้ำเป็นสุขภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำ
โดยส่วนใหญ่อ่างอาบน้ำจะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานและการชะล้าง เช่น
อะคริลิคหรือเหล็กเคลือบ หากต้องการติดตั้งอ่างอาบน้ำ
ควรคำนึงถึงขนาดและความแข็งแรงของพื้นรองรับ
ขั้นตอนการติดตั้งสุขภัณฑ์แต่ละประเภท
1.
ขั้นตอนการติดตั้งชักโครก
o เตรียมพื้นที่ติดตั้ง: ตรวจสอบพื้นที่ที่จะติดตั้งชักโครกว่ามีความเรียบร้อยหรือไม่
และเตรียมพื้นให้สะอาดเพื่อป้องกันสิ่งสกปรกเข้าไปในท่อน้ำทิ้ง
o ติดตั้งปะเก็นและซีลกันน้ำ: ใส่ปะเก็นหรือซีลยางที่ช่องท่อน้ำทิ้งเพื่อลดการรั่วซึมระหว่างท่อระบายน้ำกับชักโครก
o วางชักโครก: ยกชักโครกวางลงบนช่องท่อน้ำทิ้ง โดยให้ตำแหน่งตรงกันกับท่อ
แล้วขันสกรูยึดให้แน่น
o ติดตั้งถังน้ำ: สำหรับชักโครกแบบสองชิ้น
ให้ยึดถังน้ำเข้ากับโถนั่งด้วยน็อตแล้วตรวจสอบความแน่นหนา
o ต่อท่อน้ำประปา: เชื่อมต่อท่อน้ำเข้ากับชักโครก และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึม
2.
ขั้นตอนการติดตั้งอ่างล้างหน้า
o วัดระดับและทำเครื่องหมาย: วัดระยะความสูงที่ต้องการติดตั้งอ่างล้างหน้า
จากนั้นทำเครื่องหมายบนผนังเพื่อให้แน่ใจว่าติดตั้งได้ตรงระดับ
o ติดตั้งชุดยึดอ่าง: หากเป็นอ่างล้างหน้าแบบแขวน
ให้ติดตั้งชุดยึดอ่างที่ผนังโดยการเจาะรูแล้วใช้พุกเพื่อความมั่นคง
o วางอ่างล้างหน้า: วางอ่างบนชุดยึดหรือติดตั้งลงบนเคาน์เตอร์ให้พอดีกับตำแหน่งท่อระบายน้ำ
o เชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งและท่อน้ำประปา: เชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งเข้ากับท่อน้ำใต้ดินและติดตั้งก๊อกน้ำเข้ากับท่อน้ำประปา
3.
ขั้นตอนการติดตั้งฝักบัวและก๊อกน้ำ
o ติดตั้งท่อน้ำร้อน-เย็น: สำหรับฝักบัวที่มีระบบน้ำร้อน
ควรตรวจสอบตำแหน่งของท่อน้ำร้อนและเย็นให้ตรงตามมาตรฐาน
o ยึดฐานฝักบัว: ยึดฐานฝักบัวที่ผนังโดยใช้สกรูและพุกตามตำแหน่งที่ต้องการ
ให้ตำแหน่งของฝักบัวสูงพอที่จะสะดวกต่อการใช้งาน
o ติดตั้งก๊อกน้ำ: เชื่อมต่อก๊อกน้ำเข้ากับท่อน้ำ
โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมบริเวณข้อต่อ
4.
ขั้นตอนการติดตั้งอ่างอาบน้ำ
o เตรียมพื้นรองรับ: ตรวจสอบว่าพื้นรองรับอ่างอาบน้ำแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ
o เชื่อมต่อท่อน้ำทิ้ง: ก่อนวางอ่างอาบน้ำ ควรเชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งเข้ากับระบบท่อประปาให้เรียบร้อย
o วางอ่างอาบน้ำ: วางอ่างลงบนพื้นที่ที่เตรียมไว้
ตรวจสอบความสมดุลของอ่างเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำล้นหรือเกิดปัญหาระบายน้ำไม่ดี
o
ติดตั้งก๊อกน้ำและฝักบัว: เชื่อมต่อก๊อกน้ำและฝักบัวเข้ากับอ่างและท่อน้ำ
ตรวจสอบความแน่นหนาของการเชื่อมต่อเพื่อป้องกันการรั่วซึม
ข้อควรระวังในการติดตั้งสุขภัณฑ์
1.
การตรวจสอบระบบท่อน้ำ
ก่อนการติดตั้งสุขภัณฑ์ควรตรวจสอบระบบท่อน้ำให้แน่ใจว่าไม่มีการอุดตันหรือรั่วซึม
หากพบว่ามีปัญหา ควรซ่อมแซมก่อนการติดตั้ง
2.
ความแข็งแรงของผนังและพื้น
การติดตั้งอ่างล้างหน้าและชักโครกที่ต้องยึดกับผนังควรตรวจสอบว่าผนังแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนัก
และการติดตั้งอ่างอาบน้ำควรมั่นใจว่าพื้นสามารถรองรับน้ำหนักได้
3.
การเชื่อมต่อท่อน้ำทิ้ง
การเชื่อมต่อท่อน้ำทิ้งต้องทำอย่างระมัดระวัง
เพื่อป้องกันการรั่วซึม ควรใช้วัสดุคุณภาพดีสำหรับซีลท่อ
และตรวจสอบข้อต่อให้แน่นหนา
4.
การป้องกันกลิ่นและการรั่วซึม
ระบบป้องกันกลิ่นเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงในการติดตั้งชักโครกและอ่างล้างหน้า
เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ย้อนกลับเข้ามาในห้องน้ำ
การบำรุงรักษาหลังการติดตั้ง
1.
การทำความสะอาดเป็นประจำ
หลังการติดตั้งสุขภัณฑ์แล้ว
ควรทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อป้องกันการสะสมของคราบและตะกอนที่อาจทำให้ระบบท่ออุดตันหรือสุขภัณฑ์เสื่อมสภาพ
2.
การตรวจสอบข้อต่อและระบบท่อน้ำ
ตรวจสอบข้อต่อและท่อน้ำเป็นประจำ
เพื่อป้องกันการรั่วซึมที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่เชื่อมต่อกับสุขภัณฑ์