สาระน่ารู้
วิธีการและข้อควรระวังที่คุณควรรู้
การล้างท่อน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยรักษาสภาพท่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการอุดตันของท่อ
ซึ่งมักจะเกิดจากสิ่งสกปรกหรือคราบต่าง ๆ
ที่สะสมอยู่ในท่อไม่ว่าจะเป็นท่อระบายน้ำในห้องครัว ห้องน้ำ
หรือแม้แต่ท่อน้ำดีในระบบบ้านเรือน การทำความสะอาดท่ออย่างถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยให้การไหลของน้ำเป็นไปอย่างปกติ
แต่ยังยืดอายุการใช้งานของท่ออีกด้วย
สาเหตุของท่ออุดตัน
ท่อที่มีการใช้งานทุกวันอาจเกิดการสะสมของเศษต่าง
ๆ จนเกิดการอุดตันได้ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ท่อเกิดปัญหามีดังนี้:
1.
ไขมันและเศษอาหาร - โดยเฉพาะในท่อระบายน้ำในห้องครัว
ไขมันจากการทำอาหารและเศษอาหารที่ไหลลงไปในท่อสามารถจับตัวกันจนเกิดเป็นคราบเหนียวที่เกาะติดตามผนังท่อ
2.
เส้นผมและสิ่งสกปรก - ในห้องน้ำ เส้นผม เศษสบู่
หรือยาสระผมที่ถูกชะลงท่อเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการอุดตัน
3.
คราบตะกอนและแร่ธาตุในน้ำ - น้ำประปาที่มีแร่ธาตุมากเช่นแคลเซียม
มักก่อให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนในท่อระบายน้ำ
4.
วัตถุที่ไม่ควรทิ้งลงท่อ - การทิ้งวัตถุเช่น กระดาษชำระ ผ้าอนามัย
หรือพลาสติกลงในท่อระบายน้ำก็เป็นสาเหตุให้ท่อเกิดการอุดตันได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการล้างท่อน้ำด้วยตัวเอง
หากพบว่าท่อของคุณเริ่มอุดตันและน้ำไหลลงช้า
สามารถลองใช้วิธีการล้างท่อน้ำเบื้องต้นได้ดังนี้:
1.
การใช้น้ำร้อน
วิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือการเทน้ำร้อนลงในท่อ
น้ำร้อนจะช่วยละลายคราบไขมันและสิ่งสกปรกที่เกาะติดภายในท่อได้ดี
ควรระวังไม่ใช้น้ำเดือดเกินไปหากท่อทำจากพลาสติกเพื่อป้องกันท่อเสียหาย
2.
การใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
สูตรเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยขจัดคราบสกปรกในท่อ
โดยเริ่มจากเทเบกกิ้งโซดาลงไปในท่อประมาณครึ่งถ้วย
จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยเช่นกัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ก่อนที่จะเทน้ำร้อนตามลงไปเพื่อชะล้างคราบออก
3.
การใช้โซดาไฟ (Caustic
Soda)
โซดาไฟเป็นสารเคมีที่สามารถละลายสิ่งอุดตันในท่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง
เนื่องจากเป็นสารเคมีที่กัดกร่อนและเป็นอันตรายต่อผิวหนังและดวงตา หากต้องการใช้
ควรสวมถุงมือและแว่นตานิรภัย และเทโซดาไฟลงไปในท่อประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเติมน้ำอุ่นตามไปเพื่อกระตุ้นการทำงานของสาร
ปล่อยทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
4.
การใช้ไม้ดูดส้วม (Plunger)
หากท่อน้ำเกิดการอุดตันอย่างรุนแรง
การใช้ไม้ดูดส้วมเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้ดี
ควรปิดช่องอากาศเพื่อให้เกิดแรงดันสูง จากนั้นใช้แรงดันในการดูดดันสิ่งอุดตันออกมา
เครื่องมือในการล้างท่อน้ำ
1.
งูเหล็ก (Drain
Snake)
เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้สำหรับการล้างท่ออุดตัน
สามารถเข้าไปดึงสิ่งอุดตันที่อยู่ลึกภายในท่อได้
งูเหล็กมีทั้งแบบมือหมุนและแบบไฟฟ้า
การใช้ควรทำอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการขูดผิวท่อจนเกิดความเสียหาย
2.
ปั๊มน้ำแรงดันสูง
หากต้องการทำความสะอาดท่อที่มีขนาดใหญ่หรือท่อน้ำที่ใช้งานมายาวนาน
การใช้ปั๊มน้ำแรงดันสูงเป็นวิธีที่สามารถชะล้างคราบไขมันและสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรระวังในการล้างท่อน้ำ
- การใช้สารเคมี
แม้สารเคมีเช่นโซดาไฟจะสามารถช่วยในการขจัดสิ่งอุดตันได้ดี แต่การใช้บ่อยครั้งอาจทำให้ท่อเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร นอกจากนี้สารเคมียังอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นควรใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็น - การล้างท่อบ่อยเกินไป
การล้างท่อบ่อยเกินไปอาจทำให้ท่อเสื่อมสภาพได้ ควรล้างท่อเมื่อพบปัญหาอุดตันหรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการสะสมของคราบเท่านั้น
การป้องกันปัญหาท่ออุดตัน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันในท่อน้ำ
ควรปฏิบัติตามวิธีการป้องกันดังนี้:
- ใช้ตะแกรงกรองเศษ
- การติดตั้งตะแกรงกรองเศษที่ปากท่อระบายน้ำในห้องครัวและห้องน้ำจะช่วยกรองเศษอาหารและเส้นผมไม่ให้ไหลลงท่อ
- ไม่ทิ้งของที่ไม่ย่อยสลายลงท่อ - หลีกเลี่ยงการทิ้งกระดาษชำระ เศษอาหารใหญ่ หรือวัตถุแข็งลงท่อ
- ใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันเป็นประจำ - น้ำยาขจัดคราบไขมันช่วยลดการสะสมของไขมันในท่อ โดยควรใช้อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง